อุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่งของรถยนต์ในปัจจุบันก็ว่าได้ สำหรับถุงลมนิรภัย (Airbags) ซึ่งอย่างน้อย ๆ ในปัจจุบันรถยนต์ทุกรุ่นที่ขายในไทยจะมีถุงลมนิรภัยติดตั้งมาให้ 2 จุด และก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามราคาของรถรุ่นต่าง ๆ ก็ว่าได้
ทั้งนี้ถุงลมนิรภัยถูกออกแบบมาเพื่อรับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นเวลาเกิดการชน ซึ่งแรงปะทะที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้ผู้โดยสารปะทะกับวัตถุบริเวณหน้าที่นั่งนั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น พ่วงมาลัย หรือคอนโซลรถ ซึ่งการมีถุงลมนิรภัยจะช่วยลดอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้
การทํางานของถุงลมนิรภัย อุปกรณ์ที่รถยนต์ทุกคันต้องมี
ถึงแม้ถุงลมนิรภัยที่ฟังดูแล้วมันต้องนุ่มเบาสบาย เมื่อเวลาถุงลมนิรภัยทำงานผู้โดยจะไม่เจ็บตัว ซึ่งแท้จริงแล้วแรงระเบิดเวลาถุงลมนิรภัยทำงานนั้น รุนแรงประมาณโดยคนใส่ที่ชกนวมต่อยเลยก็ว่าได้ โดยมันเจ็บแสบพอสมควรอย่างปฏิเสธไม่ได้ อย่างไรก็ตามความบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากถุงลมนิรภัยยังเบาบางกว่ารถที่ไม่มีถุงลมนิรภัยพอสมควร
หลักการทำงานของถุงลมนิรภัยจะควบคุมด้วยกล่องสมองกล และรับสัญญาณคำสั่งจากเซนเซอร์หลาย ๆ จุด ยกตัวอย่างเช่น เซนเซอร์เบาะนั่งข้างคนขับมีคนนั่งอยู่รึไม่, เซนเซอร์ที่ไว้รับสัญญาณจากการชน ซึ่งในรถยนต์รุ่นหนึ่งจะมีเซนเซอร์การชนไว้ตามจุดต่าง ๆ ทั่วคันรถ เมื่อเกิดการชนขึ้นมากล่องสมองกลจะสั่งการให้ถุงลมนิรภัยทำงานภายในเวลาเสี้ยววินาทีเท่านั้น
ความซับซ้อนของระบบกล่องสมองกลนั้น เรียกได้ว่าพอสมควร เนื่องจากเซนเซอร์หลาย ๆ จุดที่รับสัญญาณเวลาชน เมื่อเวลารถชนบริเวณข้างหน้ารถ ตัวกล่องสมองกลจะคำนวณว่าควรให้ถุงลมนิรภัยทำงานในตำแหน่งใดบ้าง โดยตามปกติเวลารถชนข้างหน้า กล่องสมองกลจะสั่งการให้ถุงลมนิรภัยทำงานในตำแหน่งคู่หน้านั้นเอง ในส่วนถุงลมนิรภัยอื่น ๆ ที่มีอยู่ในรถอาจไม่ทำงาน เนื่องจากไม่มีผลต่อการปะทะในการชนครั้งนี้แต่อย่างใด
เทคโนโลยีในปัจจุบันได้ออกแบบให้ถุงลมนิรภัยคู่หน้ามีการทำงานแบบ 2 สเต็ป คำนวณการทำงานจากความแรงในการชนนั้นเอง ซึ่งในการชนครั้งแรกถุงลมจะระเบิดออกมาเพียงแค่ 30% เท่านั้น โดยมีเหตุผลที่ว่าลดความรุนแรงในปะทะระหว่างตัวผู้โดยสารกับถุงลมนั้นเอง และหลังจากนั้นถุงลมจะพองตัวจนเต็ม 100% สำหรับการทำงานของถุงลมแบบ 2 สเต็ป ที่กล่าวมานั้น บอกได้ว่าเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีเพียงเท่านั้น
เนื่องจากความซับซ้อนของเทคโนโลยีถุงลมนิรภัยโชว์ ก็ไม่ผิดแปลกอะไรเมื่อรถยนต์ที่ใช้งานไปนาน ๆ จะมีโอกาสเสียหรือมีปัญหา ซึ่งตามปกติจะขึ้นรูปสัญลักษณ์ ถุงลมนิรภัยที่หน้าปัดและไฟค้างที่เรือนไมล์รถนั้นเอง อาจเกิดจากความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ วงจรของถุงลมนิรภัยก็ตามแต่ ซึ่งแนะนำว่าให้นำรถเข้าไปที่ศูนย์บริการเพื่อทำการแก้ไข
เมื่อถุงลมนิรภัยระเบิดขึ้นมาแล้ว จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ ไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้ได้ ซึ่งรถที่ถุงลมระเบิดบอกได้ว่า แทบทั้งหมดเกิดจากอุบัติเหตุนั้นเอง ทำให้เวลาเปลี่ยนถุงลมนิรภัยใหม่จะอยู่ในขั้นตอนการซ่อมแซมรถที่ชนด้วย โดยแทบไม่มีใครสนใจราคาในการเปลี่ยนสักเท่าไหร่
ในส่วนของถุงลมนิรภัยราคาเท่าไหร่? บอกได้เลยว่าปัจจุบันสามารถหาซื้อถุงลมนิรภัยได้จากเว็บไซต์ขายของออนไลน์ทั่วไปก็ว่าได้ แต่อาจจะมีเฉพาะรุ่นยอดนิยม รุ่นขายดีในไทยเพียงเท่านั้น และเน้นเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด ซึ่งหากรถยนต์คุณเป็นรุ่นไม่นิยมในท้องตลาดแล้ว จำเป็นต้องไปที่ศูนย์บริการเพียงเท่านั้นถึงสามารถหาซื้อได้
สำหรับถุงลมนิรภัย ราคาเท่าไหร่ หากเป็นแบรนด์ Toyota จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ประมาณ 3,000 บาท บวก/ลบ ซึ่งถ้าเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นจะมีราคาที่ใกล้เคียงกัน ส่วนแบรนด์ยุโรปจะมีราคาจำหน่ายที่แพงกว่าเป็นเรื่องปกติ
ว่ากันตามตรงในเรื่องระบบถุงลมนิรภัย เมื่อมีปัญหาต่าง ๆ ขึ้นมา แนะนำว่าให้ไปตรวจเช็กที่ศูนย์บริการจะดีกว่า ตลอดจนอู่ที่มีความรู้เรื่องถุงลมนิรภัยจะดีกว่า เนื่องจากระบบมีความซับซ้อนพอสมควร ไม่ว่าจะมีทั้งกล่องควบคุม และเซนเซอร์หลาย ๆ จุดติดตั้งอยู่ที่ตัวรถนั้นเอง และยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตอีกด้วย
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://khaorodnissan.com/