รถยนต์จะไม่สามารถทำงานได้เลย ถ้าเกิดแบตเตอรี่รถยนต์หมดขึ้นมา ในปัจจุบันอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาในรถยนต์ บอกได้เลยว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าแทบทั้งหมดก็ว่าได้ เมื่อแบตเตอรี่รถยนต์หมดอย่างแรกที่จะไม่สามารถทำได้เลยก็คือ สตาร์ทเครื่องยนต์
เมื่อเครื่องยนต์ไม่สามารถสตาร์ทได้ เท่ากับว่าจะไม่สามารถใช้งานขับขี่รถยนต์ได้ ตลอดจนถ้าแบตเตอรี่หมดจริง ๆ อาจจะไม่สามารถปลดล็อคเพื่อเปิดประตูรถก็ว่าได้ อาจต้องใช้วิธีดั้งเดิมในการเปิดประตูก็คือ การไขกุญแจเปิดนั้นเอง

ตรวจวัดแบตเตอรี่เสื่อม
ตามปกติอาการ แบ ต รถยนต์ เสื่อมจะเกิดขึ้นจากการใช้งานเป็นระยะเวลามากกว่า 2 ปี ขึ้นไป ทั้งนี้ไม่มีกรอบระยะเวลาที่แน่นอนสำหรับอาการแบตเสื่อม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของแต่ละบุคคลเป็นหลัก
แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ในท้องตลาด สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
– แบตเตอรี่แห้ง
– แบตเตอรี่น้ำ
แบตเตอรี่แห้ง

แบตเตอรี่แห้ง
เน้นการใช้งานที่ไม่ต้องดูแลรักษาใด ๆ เมื่อถึงเวลาเสื่อมก็ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้เลย เหมาะสำหรับคนใช้งานที่เน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก ซึ่งข้อเสียของแบตเตอรี่แห้งก็คือ อายุการใช้งานที่สั้นกว่าแบตเตอรี่น้ำ และมีราคาที่สูงกว่าเล็กน้อยอีกด้วย
แบตเตอรี่น้ำ

แบตเตอรี่น้ำ
เน้นกับบุคคลที่สามารถดูแลตรวจสอบตัวของแบตเตอรี่ได้ เนื่องจากต้องมีการเติมน้ำกลั่นอยู่เนือง ๆ นั้นเอง ทั้งนี้ข้อดีที่ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ของแบตเตอรี่น้ำก็คือ อายุการใช้งานที่ยาวนานพอสมควร อาจมีค่าเฉลี่ยอยู่ประมาณ 3 – 4 ปี ขึ้นไปเลยทีเดียว และยังมีราคาจำหน่ายที่ถูกกว่าแบตเตอรี่แห้งอีกด้วย
ในอดีตรถยนต์ที่ขายในห้องตลาดเกือบทุกรุ่น ที่หน้าปัดเรือนไมล์จะมีมาตรวัดแบตเตอรี่มาให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งข้อดีของมาตรวัดแบตเตอรี่จะช่วยให้ดูรู้สภาพของแบตเตอรี่ของรถยนต์ว่าเสื่อมไปขนาดไหนแล้ว ทั้งนี้จะช่วยให้คุณสภาพแบตเตอรี่ในขณะนั้นก็ว่าได้ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันคุณสามารถหาซื้อโวลท์มิเตอร์วัดไฟแบตรถยนต์ แบบเสียบที่จุดบุหรี่มาใช้งานได้ ซึ่งมีราคาไม่กี่บาทเพียงเท่านั้น
การ ดูแล รักษา แบตเตอรี่ รถยนต์ ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานให้นานขึ้น
แบตเตอรี่รถยนต์หมด ทําไง เรามีคำแนะนำ
วิธีสังเกตอาการแบตเสื่อม
- หากเป็นแบตเตอรี่ใหม่แกะกล่อง หรือมีอายุการใช้งานยังไม่ถึง 1 ปี เรียกได้ว่าถ้าแบตเตอรี่ไม่ได้เกิดความผิดพลาดจากการสายการผลิต ตลอดจนการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีทางเลยที่จะเกิดแบ ต รถยนต์ เสื่อมขึ้นได้ หากมั่นใจว่าเกิดขึ้นจากการสายการผลิตแล้วล่ะก็ ยังสามารถติดต่อบริษัทหรือตัวแทนจำหน่ายแบตเตอรี่เพื่อเครมความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ด้วยสรุปแบบสั้น ๆ ได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่แบบไหนก็ตามแต่ ถ้ามีอายุไม่เกิน 1 ปี แทบไม่มีโอกาสเสื่อมนั้นเอง
- สตาร์ทเครื่องยนต์นานกว่าเดิม
หลังจากใช้งานแบตเตอรี่มาเป็นระยะมากกว่า 1 ปีแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าแบตเตอรี่จะเกิดอาการแบตเสื่อมขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่จะอยู่ในระดับที่ใช้สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามให้หมั่นสังเกตเวลาสตาร์ทเครื่องยนต์จะมีระยะเวลานานขึ้น ซึ่งบางครั้งการสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งเดียวอาจไม่เพียงพอให้เครื่องยนต์ติดได้
เหตุทั้งหมดเกิดจากกำลังไฟในแบตเตอรี่ที่เสื่อมไม่มีกำลังที่แรงพอที่จะไปหมุนให้ไดร์สตาร์ททำงานได้แรงเหมือนกับตอนกำลังไฟเยอะ ๆ นั้นเอง เมื่อการสตาร์ทเครื่องยนต์ใช้ระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นนั้นเอง จนปลายทางสุดท้ายเมื่ออาการแบตเสื่อมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้นั้นเอง
- อุปกรณ์ไฟฟ้ามีความหน่วงในการทำงานผิดปกติ
เมื่อกำลังไฟในแบตเตอรี่มีน้อยลงจากเดิม อุปกรณ์ไฟฟ้าบนรถยนต์ก็จะได้รับผลกระทบนี้ไปด้วย โดยความิดปกติจะเกิดขึ้นเฉพาะตอนยังไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์เท่านั้น เนื่องจากเวลาสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว ไดร์ชาร์จจะทำงานเพื่อชาร์จไฟส่งไปเก็บที่แบตเตอรี่นั้นเอง
ยกตัวอย่างความผิดปกติของอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ระบบไฟส่องสว่างไม่สว่างชัดเหมือนแบตเตอรี่มีไฟปกติ กระจกไฟฟ้าขยับขึ้นลงมีความหน่วงช้ากว่าปกติเป็นต้น ทั้งหมดนี้คือสัญญาณอาการ แบ ต รถยนต์ เสื่อมนั้นเอง

เช่น ระบบไฟส่องสว่างไม่สว่างชัดเหมือนแบตเตอรี่มีไฟปกติ
สุดท้ายนี้คุณสามารถป้องกันแบตเตอรี่รถยนต์หมดได้อย่างง่าย ๆ ด้วยการตรวจเช็กอาการต่าง ๆ ที่ได้แนะนำไปในข้างต้น ซึ่งจะช่วยให้คุณเตรียมรับมือกับอาการแบตเสื่อมได้ ตลอดจนซื้ออุปกรณ์โวลท์มิเตอร์วัดไฟแบตรถยนต์ แบบเสียบที่จุดบุหรี่มาใช้งานก็ได้ เพื่อให้คุณรู้สภาพแบตเตอรี่ว่าอยู่ในระดับไหนนั้นเอง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่:https://khaorodnissan.com/