เชื่อว่าคนทั่ว ๆ ไปคงไม่เคยรู้มาก่อนอย่างแน่นอนว่าในท้องตลาด จะมียางรถยนต์ให้เลือกใช้อยู่ 2 ประเภท ได้แก่ ยางรถยนต์แบบผ้าใบ และยางรถยนต์แบบเรเดียล ซึ่งยางแต่ละชนิดมีความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
หากเป็นรถยนต์ทั่ว ๆ ไปแล้ว ตามปกติจะเลือกใส่ยางผ้าใบเป็นปกติ เนื่องจากมีราคาที่ไม่แพง ตอบโจทย์การใช้งานขับขี่แบบทั่ว ๆ ไป โดยโครงสร้างของยางผ้าใบจะเป็นการวางซ้อนในลักษณะทำมุมเฉียงไปมาหลาย ๆ ชั้น ซึ่งโครงสร้างของหน้ายางและแก้มยางเป็นชิ้นส่วนเดียวกัน
อ่านเพิ่มเติม
เนื่องจากโครงสร้างของยางผ้าใบเป็นรูปแบบนี้ ข้อดีหลัก ๆ จะเป็นเรื่อง ราคายางที่ถูก เมื่อขับความเร็วต่ำสามารถควบคุมบังคับทิศทางการเลี้ยวได้ง่าย ตลอดจนยางผ้าใบมีความนุ่มนวลพอสมควร

โครงสร้างยางผ้าใบ
สำหรับข้อเสียของยางผ้าใบก็คือ หน้ายางที่สัมผัสพื้นถนนจะไม่มีความสม่ำเสมอ เนื่องจากหน้ายางกับแก้มยางเป็นชิ้นส่วนเดียวกัน เมื่อเจอผิวถนนที่ไม่เรียบแก้มยางจะมีการยืดหดตัวและส่งผลทำให้หน้าสัมผัสยางยืดหดตัวไปตามแก้มยางนั้นเอง นอกจากนี้อายุของยางผ้าใบจะมีอายุสั้นกว่ายางเรเดียล ซึ่งปกติจากรถยนต์แบบผ้าใบจะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 4 ปี หรือระยะทางประมาณ 50,000 กิโลเมตร
สำหรับยางเรเดียล คือ ยางรถที่มีผ้าใบพันรอบยางในแบบทำมุม 90 องศากับเส้นรอบวงของยาง พูดง่าย ๆ ว่าผ้าใบที่วางซ้อนกันจะทำมุมตัดกันเป็นตารางสี่เหลี่ยมนั้นเอง โดยยางเรเดียลจะมีความยืดหยุ่นให้ตัวได้มากกว่ายางแบบผ้าใบธรรมดาพอสมควร และยังมีความแข็งแรงในเรื่องโครงสร้างที่มากกว่าอีกด้วย

โครงสร้างยางเรเดียล
ยางเรเดียลจะมีคุณสมบัติพิเศษจากโครงสร้าง ซึ่งการเข้าโค้งจะมีการยึดเกาะที่ดีกว่ายางผ้าใบ และในเส้นทางที่ขรุขระยางเรเดียลจะมีประสิทธิ์ในการวิ่งที่ดีกว่า และยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ายางผ้าใบแบบปกติ ซึ่งอาจมีระยะการใช้งาน 40,000 – 100,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว ทั้งนี้จำเป็นต้องดูสภาพยางรถยนต์อีกที
ว่ากันตามตรงยางเรเดียลเหมาะกับการใช้งานที่เฉพาะ ซึ่งปกติมักจะใช้กับรถยนต์ที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูงเป็นหลัก เนื่องจากต้องการประสิทธิภาพของตัวอย่างที่ดีเยี่ยม เพื่อตอบสนองการขับขี่นั้นเอง โดยยางเรเดียลจะมีราคาที่สูงกว่ายางผ้าใบพอสมควร
นอกจากยางเรเดียลจะอยู่ในรถที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง ๆ แล้ว ยางเรเดียลยังเป็นที่นิยมสำหรับรถบรรทุก และรถเพื่อการเกษตรขนาดใหญ่อีกด้วย เนื่องจากต้องการอายุการใช้งานที่ยาวนานนั้นเอง ซึ่งตามปกติแล้วยางเรเดียลรถบรรทุกจะนิยมหล่อดอกยางขึ้นใหม่ก็ว่าได้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของยางรถที่สึกหล่อนั้นเอง
ยางเรเดียลรถบรรทุกมีทั้งไม่มียางใน และแบบมียางใน โดยระยะทางที่ยางสามารถวิ่งได้จะแตกต่างกันออกไป ตลอดทั้งยังรวมไปถึงสิ่งของที่บรรทุกอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
ยางเรเดียลรถบรรทุกแบบไม่มียางใน ทางผู้ผลิตยางอาจเคลมมาว่าสามารถวิ่งได้ถึง 150,000 กม. เลยทีเดียว แต่เมื่อใช้งานบรรทุกจริง ๆ อาจลดเหลือเพียง 100,000 – 120,0000 กม. เพียงเท่านั้น และหากนำยางเรเดียลไปหล่อดอกยางใหม่แล้ว จะสามารถกลับมาใช้งานได้อีกประมาณ 60,000 – 70,000 กม. โดยประมาณ
ในส่วนของยางเรเดียลรถบรรทุกแบบมียางในนั้น ทางผู้ผลิตยางอาจเคลมมาว่าสามารถวิ่งได้ถึง 100,000 กม. เลยทีเดียว แต่เมื่อใช้งานบรรทุกจริง ๆ อาจลดเหลือเพียง 60,000 – 70,0000 กม. เพียงเท่านั้น และหากนำยางเรเดียลไปหล่อดอกยางใหม่แล้ว จะสามารถกลับมาใช้งานได้อีกประมาณ 50,000 – 60,000 กม. โดยประมาณ
ในส่วนยางเรเดียลที่นิยมอยู่ในการเกษตรขนาดใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น รถแทรกเตอร์ โดยยางจะไซซ์ใหญ่กว่ายางรถแบบทั่ว ๆ ไปพอสมควร และดอกยางมีร่องที่หนาพอสมควร ซึ่งตามปกติเมื่อดอกยางเรเดียลหมดจากการใช้งานแล้ว จะนิยมเอาไปหล่อดอกใหม่ เนื่องจากถ้าซื้อยางเรเดียลเส้นใหม่จะมีราคาที่สูงพอสมควรนั้นเอง
เรียกได้ว่ายางเรเดียล ถูกออกแบบมาให้มีความทนทานในการใช้งานเป็นหลักก็ว่าได้ ส่วนข้อดีข้อเสียอื่น ๆ สำหรับรถยนต์นั่งปกติแล้ว ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวเสียมากกว่า เนื่องจากยางผ้าใบก็ให้ความนุ่มนวลและราคาที่ต่ำ ส่วนยางเรเดียลให้การยึดเกาะถนนที่ดีกว่า และมีความทนทานมากกว่า ขึ้นอยู่กับความพอใจของคุณเองเท่านั้น
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://khaorodnissan.com/