ในปัจจุบันรถไฟฟ้า ev กำลังเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลกอย่างเด่นชัด ซึ่งมีการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของรถไฟฟ้า ev กับเหล่ารถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเป็นพลังในการขับเคลื่อน โดยข้อดีของรถไฟฟ้า ev เรียกได้ว่ามีเยอะมากมายเลยทีเดียว
ในปัจจุบันข้อเสียเปรียบเดียวของรถไฟฟ้า ev ก็คือ ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ตกเป็นรองรถยนต์แบบที่ยังไม่สามารถเทียบเคียงได้ ยกตัวอย่างเช่น รถไฟฟ้า ev รุ่นหนึ่งสามารถวิ่งได้เป็นระยะทาง 400 กม. ต่อการชาร์จครั้งหนึ่ง และต้องจอดชาร์จเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมงเพื่อที่จะสามารถขับขี่ได้ใหม่ ส่วนรถยนต์เพิ่งแค่เติมน้ำมันไม่กี่นาทีเท่านั้น ก็สามารถวิ่งได้ต่อทันที
ส่วนในเรื่องความประสิทธิภาพในการขับขี่แล้วล่ะก็ เจ้ารถไฟฟ้า ev ได้ทิ้งรถยนต์ไปไกลพอสมควรแล้วก็ว่าได้ เมื่อไม่นานมานี้ ทางบริษัท Tesla ได้เพิ่งตัวรถเก๋งซีดาน 4 ประตู ที่มีอัตราเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ในระยะเวลาเพียง 1.99 วินาทีเพียงเท่านั้น ซึ่งเป็นรถเก๋ง 4 ประตูรุ่นเดียวในโลกที่สามารถทำอัตราเร่งได้ในเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ Tesla Model S Plaid มีแรงม้าอยู่ที่ 1,020 ตัว และสามารถทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 321 กม./ชม.

Tesla Model S Plaid
พูดกันตามตรง เมื่อดูสเปก Tesla Model S Plaid ก็พูดได้ว่ารถมันมีพละกำลังในระดับเดียวกับเหล่าไฮเปอร์คาร์นั้นล่ะ นอกจากนี้ทาง CEO ของบริษัท Tesla ยังได้ประกาศไว้ว่า Tesla Model S Plaid ว่าเป็นรถที่ดีที่สุดในโลกในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วที่เหนือกว่า Porsche และยังปลอดภัยเหนือ Volvo (”Faster than any Porsche, Safer than any Volvo”)
นอกเหนือจากความเร็วแรงของรถไฟฟ้า ev แล้ว ในส่วนขององค์ประกอบ ชิ้นส่วนต่าง ๆ เรียกว่ามีจำนวนน้อยกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปก็ว่าได้ ยกตัวอย่างง่าย ๆ รถไฟฟ้า ev ไม่มีเรื่องบำรุงรักษาของเครื่องยนต์แต่อย่างใด ไม่มีการถ่ายน้ำมันเครื่อง ไม่มีหม้อน้ำระบายความร้อน ตลอดจนไม่มีชุดเกียร์ส่งกำลังเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป ทำให้ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาต่าง ๆ ในเรื่องไม่มีต้องจ่ายแต่อย่างใด
ตัวชูโรงจริง ๆ ของรถไฟฟ้า ev คงหนีไม่พ้นความประหยัดนั้นเอง เมื่อไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาเกี่ยวข้องในการใช้งาน มีเพียงค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นจากการชาร์จ เมื่อนำมาเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าหากใครต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ควรซื้อรถไฟฟ้าใช้งานนั้นเอง
ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าไทยเริ่มมีจำหน่ายกันหลาย ๆ รุ่น แต่ยังไม่ได้รับความนิยมเหมือนกับทางต่างประเทศ เนื่องจากราคาค่าตัวรถไฟฟ้ามีราคาที่สูงนั้นเอง ซึ่งสาเหตุมาจากค่าภาษีที่ต้องจ่ายเมื่อนำรถไฟฟ้าเข้ามาขาย ในอนาคตถ้ามีการผลิตรถไฟฟ้าในไทยแล้วล่ะก็ ราคารถยนต์ไฟฟ้าไทยจะถูกลงจนคนทั่ว ๆ ไปสามารถจับต้องก็ว่าได้
นอกจากนี้ที่ชาร์จของรถยนต์ไฟฟ้าไทยยังไม่แพร่หลาย เรียกว่าจะเดินทางไปไหนในระยะไกล ๆ ต้องวางแผนการเดินทาง จะต้องวิ่งไปชาร์จไฟที่ไหน ห้ามขับความเร็วเกินเท่าไหร่ ไม่งั้นแบตเตอรี่อาจหมดก่อนเป็นต้น ซึ่งปัญหานี้ได้กลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับคนที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้าไทยนั้นเอง แต่ถ้าคุณขับขี่ในเมือง ระยะทางสั้น ๆ ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ที่ชาร์จของรถยนต์ไฟฟ้าไทยยังไม่แพร่หลาย
ปัจจุบันรถพลังงานไฟฟ้าในไทยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 988,000 บาท โดยเป็นรุ่น MG EP และก็จะมีราคาที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามรุ่นและแบรนด์ต่าง ๆ นั้นเอง อย่างไรก็ตามยังมีรถพลังงานไฟฟ้าในไทยที่ถูกกว่าที่เราได้แนะนำ แต่ขนาดตัวถังของรถถือได้ว่า เล็กจนได้แค่นั่งขับขี่เท่านั้น รุ่นนั้นก็คือ Fomm One ราคา 499,000 บาท
รถยนต์ ไฟฟ้า ขาย ใน ไทย
– MG EP ราคา 998,000 บาท วิ่งได้ระยะทาง 380 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
– MG ZS EV ราคา 1,190,000 บาท วิ่งได้ระยะทาง 330 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
– Nissan Leaf ราคา 1,499,000 บาท วิ่งได้ระยะทาง 310 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
– Hyundai Kona Electric ราคา 1,849,000 บาท และ 2,259,000 บาท วิ่งได้ระยะทาง 312 กม./ 482 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
– Mini Electric ราคา 2,290,000 บาท วิ่งได้ระยะทาง 217 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
– Volvo XC40 Recharge Pure Electric ราคา 2,590,000 บาท วิ่งได้ระยะทาง 400 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
– Tesla *เป็นตัวแทนจำหน่ายอิสระนำเข้า มีให้เลือกหลายรุ่น
– BMW iX5 ราคา 5,999,000 บาท วิ่งได้ระยะทาง 600 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
แนะนำ 5 รถยนต์ 8 ที่นั่ง น่าใช้