สายพานรถยนต์ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ชิ้นส่วนสำคัญที่ทำให้รถยนต์สามารถขับเคลื่อนไปได้ ซึ่งตัวของสายพานหน้าเครื่องจะทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์ไปยังอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ต้องใช้กำลังของเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน เรียกได้ว่าหน้าที่เหมือนกับฟันเฟืองนั้นเอง
สายพานหน้าเครื่องจะถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์ไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิเช่น พัดลมระบายความร้อนหน้า (รถรุ่นเก่า ๆ ) ไดชาร์จ คอมเพรสเซอร์แอร์ และระบบปั๊มน้ำระบายความร้อนเป็นต้น หากเป็นรถยนต์รุ่นเก่า ๆ คุณจะพบว่าสายพานหน้าเครื่องจะมีจำนวนที่เยอะกว่ารถยนต์ในปัจจุบัน

เครื่องยนต์รุ่นเก่าที่ใช้สายพานหน้าเครื่องเยอะ
ทำไมรถยนต์รุ่นเก่า ๆ ถึงใช้สายพานหน้าเครื่องเยอะนั้น เกี่ยวข้องกับการออกแบบก็ว่าได้ ซึ่งเครื่องยนต์ปัจจุบันมีการออกแบบให้ใช้สายพานรถยนต์เพียง 1 – 2 เส้น และมีชื่อเรียกว่า เซอร์เพนไทน์ (SERPENTINE BELT DRIVE) โดยสายพานหนึ่งเส้นจะถ่ายทอดกำลังไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเส้นเดียว และมีข้อดีของการใช้สายพานรถยนต์แบบนี้ก็คือ ประหยัดเงินเรื่องการซ่อมบำรุงในการเปลี่ยนสายพาน สำหรับเครื่องยนต์เก่า ๆ ที่ใช้สายพานหลาย ๆ เส้นนั้น เรียกได้ว่าสายพานที่ถ่ายทอดกำลังจะแยกใครแยกมัน เวลาเปลี่ยนสายพานจะต้องจ่ายเงินแพงกว่าพอสมควร
เนื้อหา
สายพานหน้าเครื่องแบบ V-BELT

ในท้องตลาดมีสายพานต่าง ๆ ให้เลือกหลายรูปแบบ แต่ในส่วนของสายพานหน้าเครื่องจะนิยมใช้งานแบบ V-BELT (สายพานวีเบลท์)
ในท้องตลาดมีสายพานต่าง ๆ ให้เลือกหลายรูปแบบ แต่ในส่วนของสายพานหน้าเครื่องจะนิยมใช้งานแบบ V-BELT (สายพานวีเบลท์) โดยมีเหตุผลที่ว่า ตัวของสายพานเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ เส้นใยสังเคราะห์ และห่อหุ้มด้วยยางผ่านกรรมวิธีทางเคมี ทำให้สายพานมีความเหนียวและทนทานในการใช้งานเป็นอย่างมาก
ตัวเลขที่สายพานหน้าเครื่องคืออะไร
ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ใครน่าจะสงสัยอย่างแน่นอน สำหรับตัวเลขที่สายพานหน้าเครื่องนั้น โดยตัวเลขจะเป็นการบอกสเปกข้อมูลของสายพานนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น
สายพานหน้าเครื่องรหัส 5PK890
- หมายเลข 5 คือ แบบ 5 ร่อง
- หมายเลข 890 คือ ความยาวสายพาน 890 มม.
วิธีการเลือกซื้อสายพานที่ดีที่สุดก็คือ ให้ซื้อสเปกเดิมที่ใช้อยู่นั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นการจดรหัสตัวเลขไปซื้อ ตลอดจนถอดสายพานนำไปเป็นตัวอย่างก็ว่าได้
ราคาสายพานหน้าเครื่องเฉลี่ยต่อเส้นอยู่ประมาณ 600-1,000 บาท ต่อ 1 เส้น ขึ้นอยู่กับยี่ห้อสายพานนั้น ๆ อีกที ซึ่งเวลาที่คุณเปลี่ยนสายพาน แนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกันทุกเส้น เพื่อให้ความสึกหรอของสายพาน ตลอดจนความเสื่อมสายพานใกล้เคียงกันนั้นเอง
ผ้าเบรครถยนต์ ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ ?
เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์
เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนสายพาน ?
ถือว่าเป็นคำถามที่ใครน่าจะสงสัยอย่างแน่นอน หากเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่มีระยะการซ่อมบำรุงกับทางศูนย์บริการอยู่แล้ว แทบไม่ต้องสนใจในเรื่องนี้ก็ว่าได้ หากรถยนต์ของคุณใช้งานถึงระยะทางที่กำหนดของทางศูนย์บริการแล้ว ทางศูนย์บริการจะแจ้งให้ทราบว่าต้องเปลี่ยนสายพานตามระยะทางที่กำหนดนั้นเอง
ส่วนใครที่ใช้รถเก่า ๆ อาจจะต้องใช้การสังเกตเวลาสตาร์ทเครื่องยนต์ก็ว่าได้ โดยสายพานหน้าเครื่องที่เสื่อมสภาพจะมีการยืดหยอนเป็นเรื่องปกติ เมื่อเครื่องยนต์สารต์ทแล้วจะสามารถเห็นถึงสายพานที่แกว่งไปมาอยู่เล็กน้อยได้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ว่าควรเปลี่ยนสายพานได้แล้ว

โดยสายพานหน้าเครื่องที่เสื่อมสภาพจะมีการยืดหยอนเป็นเรื่องปกติ
นอกจากการสังเกตด้วยสายตาแล้ว ยังสามารถใช้หูฟังได้ด้วย หากสายพานเสียงดังขึ้นมาแบบเอี๊ยด ๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นตอนที่สตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ ๆ นั้น เนื่องจากหน้าสัมผัสของตัวสายพานยังไม่มีแรงยึดเกาะกับหน้าสัมผัสของชิ้นส่วนอุปกรณ์นั้น ๆ จดเกิดเป็นเสียงขึ้นมานั้นเอง
เมื่อสายพาน หน้า เครื่อง ดังขึ้นมาแล้ว ว่ากันตามตรงก็ยังสามารถใช้งานสายพานหน้าเครื่องที่มีปัญหาได้อีกสักพัก สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือแค่เสียงสายพานที่ดังน่ารำคาญเพียงเท่านั้น หากยังไม่มีลอยฉีกขาดที่สายพานเกิดขึ้น และเมื่อสายพานหย่อนมาก ๆ ก็จะไม่สามารถส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปอุปกรณ์ส่วนนั้นได้เพียงเท่านั้น
ถึงแม้สายพานรถยนต์จะดูเป็นอะไรที่ไม่ซับซ้อน เรียกว่าเป็นกลไฟแบบฟันเฟืองที่ธรรมดา แต่เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนสายพานแล้วเรียกได้ว่าไม่ใช่ใครทั่วไปจะสามารถเปลี่ยนได้ คุณอาจต้องใช้บริการอู่ซ่อมรถยนต์ต่าง ๆ ร้านแอร์รถยนต์ ตลอดจนศูนย์บริการแบรนด์รถต่าง ๆ ในการเปลี่ยนสายพานรถยนต์ เนื่องจากต้องมีวิธีการใส่จากผู้ชำนาญนั้นเอง แต่หากคุณมีความรู้เรื่องการซ่อมบำรุงพอประมาณ และมีลูกมือค่อยช่วยเปลี่ยน การเปลี่ยนสายพานรถยนต์ก็สามารถทำเองได้ที่บ้านเหมือนกัน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่:https://khaorodnissan.com/