เกียร์ออโต้เข้าเกียร์แล้วรถไม่วิ่ง สัญญาณสำคัญที่บอกว่านี่คืออาการเกียร์พัง แม้อาการเกียร์ออโต้พังจะเป็นเรื่องปกติเหมือนอุปกรณ์ส่วนอื่น ๆ ของรถยนต์ที่ต้องมีวันเสื่อมสภาพตามการใช้งาน แต่เนื่องด้วยค่าซ่อมเกียร์ออโต้นั้นค่อนข้างสูง (ไม่ว่าจะซ่อมหรือเปลี่ยนเป็นของมือสอง) เจ้าของรถจึงไม่อยากพบกับปัญหานี้เสียเท่าไรนัก แต่ถ้าอาการเหล่านี้ปรากฏ เข้าเกียร์แล้วรถไม่เคลื่อนที่ อาการเกียร์ออโต้กระตุก นั่นหมายความว่าปัญหาเกียร์ได้เกิดขึ้นแล้ว
เนื้อหา
สัญญาณที่ฟ้องว่าเกียร์เริ่มมีปัญหาแล้ว
-
เข้าเกียร์แล้วรถไม่ออกตัวทันที

เข้าเกียร์แล้วรถไม่ออกตัวทันที
ถ้าเกียร์ออโต้เข้าเกียร์แล้วรถไม่วิ่งในทันที โดยเฉพาะในเกียร์เดินหน้าหรือเกียร์ถอยหลัง อาการนี้มีสาเหตุจากขาดการดูแลรักษาเนื่องจากจอดนานไม่ค่อยได้ใช้งานและไม่ได้ตรวจเช็กระดับน้ำมันเกียร์ว่ามีปริมาณตามที่กำหนด ไม่มากเกินไปหรือไม่น้อยเกินไป ให้ลองตรวจเช็กระดับน้ำมันเกียร์ว่าอยู่ในระดับที่ถูกต้องหรือไม่
หากระดับน้ำมันเกียร์ปกติ (ไม่มากหรือไม่น้อย อยู่ในขีดที่กำหนด) แต่รถใช้งานมานานเกินกว่า 100,000 กิโลเมตร อาจเกิดจากภายในชุดเกียร์เกิดการสึกหรอ เช่น ชุดผ้าคลัตช์, ชุดวาล์ว ควบคุมแรงดัน ซึ่งเป็นไปตามอายุและการใช้งาน ควรต้องได้รับการแก้ไขโดยการยกเกียร์ออกมาซ่อมหรือโอเวอร์ฮอล์ (overhaul) เพื่อเปลี่ยนชิ้นที่ชำรุด สึกหรอ เสียหาย ซึ่งช่างมักจะแนะนำให้เปลี่ยนเกียร์มือสองลูกใหม่ เพราะง่ายกว่าการซ่อม ปิดจ็อบเร็ว ได้เงินไวกว่าการซ่อม แต่ข้อเสียคือเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเกียร์ใหม่ (ที่เป็นของเก่ามือสอง) จะไม่สึกหรอเช่นกัน แม้อาจจะดีกว่าเกียร์ลูกเดิมแต่ไม่มีใครกล้ารับประกันได้นานเท่ากับเกียร์ใหม่ราคาสูง (มาก) มักไม่ค่อยมีใครเปลี่ยน ดังนั้น การซ่อมเกียร์จึงเป็นการลงทุนที่น่าจะคุ้มค่ากว่าหากมองในระยะยาวหรือต้องการใช้รถคันนั้นต่อไปอีกยาวเนื่องจากเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในใหม่ แต่ช่างจะอิดออดเพราะเสียเวลา
อ่านเพิ่มเติม
- เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์
- รถเกียร์ออโต้เบรกอยู่ด้านไหน ใช้ยังไงให้ถูก เหยียบ 2 ขา ได้หรือไม่
-
เข้าเกียร์เดินหน้า (D) หรือถอยหลัง (R) แล้วเกิดอาการกระตุก

เข้าเกียร์เดินหน้า (D) หรือถอยหลัง (R) แล้วเกิดอาการกระตุก
อาการเกียร์ออโต้กระตุกมักพบได้ขณะออกรถในขณะที่อุณหภูมิของเครื่องยนต์ไม่ถึงเกณฑ์ทำงานหรือออกรถในขณะที่เครื่องยังเย็นอยู่ แต่เมื่อเครื่องยนต์ร้อน (ใช้งานไปแล้ว) อาการนี้จะหายไป หรือกระตุกไม่เปลี่ยนเกียร์เมื่อน้ำมันเกียร์มีอุณหภูมิสูง ควรตรวจวัดระดับน้ำมันเกียร์รวมทั้งคุณภาพของน้ำมันเกียร์ รวมถึงตรวจเช็กระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์และน้ำมันเกียร์
-
อาการเกียร์เปลี่ยนเร็วหรือช้ากว่าปกติ

อาการเกียร์เปลี่ยนเร็วหรือช้ากว่าปกติ
อาจเกิดจากการปรับตั้งสายเกียร์ไม่ถูกต้อง (ในรุ่นเก่ายังใช้สายเกียร์ ไม่ใช่เกียร์ไฟฟ้า) ให้ลองเช็กการปรับตั้งสายเกียร์ใหม่ หากเป็นรถที่ใช้เกียร์ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าควรล้าง Memory ของสมองเกียร์ (Transmission Control Module) หรือตรวจสอบวาล์วควบคุมทางเดินน้ำมันด้วยไฟฟ้าว่า มีน้ำมันเกียร์มากหรือน้อยเกินไป รวมทั้งน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพหรือไม่
หากพบว่าน้ำมันเกียร์มีการเสื่อมสภาพควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ แต่ถ้ามีการอุดตันของทางเดินน้ำมันเกียร์ในสมองเกียร์ (Valve body) เพราะเศษคลัตช์ ต้องถอดสมองเกียร์ (ทำเองคงไม่ได้ถ้าไม่ใช่ช่าง) ออกมาล้างทำความสะอาด อาจมีการรั่วซึมภายในระบบเกียร์ของชุดเกียร์ต่างๆ เช่น แหวนกันน้ำมัน ลูกสูบวาล์ว (ลิ้นปิดเปิด ทั้งแบบกลไกหรือแบบไฟฟ้า)
-
เกียร์สุดท้ายไม่มีและหรือคิกดาวน์แล้วไม่ลดเกียร์
อาการไม่มีคิกดาวน์ ถ้าเกียร์ผ่านการใช้งานมานานมาก ๆ หลักแสนกิโลเมตรและยังไม่เคยผ่านการซ่อมมาก่อน อาจจะเกิดจากการรั่วซึมภายใน ก็ต้องผ่าเกียร์เพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหาย
-
ออกตัวต้องใช้รอบเครื่องยนต์สูงผิดปกติ

ออกตัวต้องใช้รอบเครื่องยนต์สูงผิดปกติ
แม้ว่าจะอุ่นเครื่องยนต์ให้ถึงอุณหภมิทำงานก่อนออกรถแล้วยังพบอาการรอบสูงในการออกตัวมากกว่าปกติ ควรโดยตรวจเช็กระดับน้ำมันเกียร์และสภาพของน้ำมันเกียร์ก่อน และอาการนี้มักเกิดจากผ้าคลัตช์ในชุดเกียร์สึกหรอเสื่อมสภาพ (คลัตช์ลื่น) ต้องแก้ไขโดยการยกเกียร์ผ่าเกียร์ เปลี่ยนคลัตช์ใหม่
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อถนอมเกียร์ออโต้
– การเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงเป็นประจำ จะยิ่งทำให้เกียร์ออโต้พังเร็วขึ้น ดังนั้น ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องเร่งอย่างรุนแรง หรือคิกดาวน์ ควรหลีกเลี่ยงและเร่งอย่างนุ่มนวลจะช่วยยืดอายุการใช้งานเกียร์ได้นานขึ้น
– ใส่เกียร์ว่าง (N) ขณะรถวิ่ง ซึ่งเป็นการขับรถที่ผิดอยู่แล้ว โดยปกติไม่มีใครทำและอย่าได้คิดทำ นอกจากจะส่งผลให้น้ำมันหล่อลื่นในเกียร์ลดลงขาดแรงดันเกิดความร้อนสูงจนเกียร์พังได้แล้ว ยังเป็นอันตรายต่อการขับขี่เพราะเมื่ออยู่เกียร์ N ขณะขับขี่การยึดเกาะของล้อที่กระทำต่อถนนจะลดลงเป็นเรื่องอันตราย รถอาจเสียการทรงตัว
– เข้าเกียร์ P โดยที่รถยังไม่หยุดสนิท พฤติกรรมการใช้งานเกียร์ออโต้ลักษณะนี้ส่งผลเสียโดยตรง
การบำรุงรักษาป้องกันอาการเกียร์พัง
– หมั่นตรวจเช็กระบบเกียร์ตามกำหนด หากเจอสิ่งผิดปกติควรรีบแก้ไขก่อนปัญหาจะลุกลามมากกว่าเดิม
– เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระเวลาที่กำหนดจะช่วยถนอมเกียร์ออโต้ให้ใช้งานได้นานมากขึ้น โดยปกติแล้วน้ำมันเกียร์ออโต้ควรเปลี่ยนทุก ๆ 40,000 กม.
– ไม่เร่งเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงโดยไม่จำเป็น
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่:https://khaorodnissan.com/