เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์จะช่วยให้อากาศที่หมุนเวียนอยู่ในรถยนต์ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 ทั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันทุกคนให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายกันอยู่พอสมควร โดยเฉพาะในไทยที่ปัญหาค่าฝุ่น PM 2.5 ที่จะเป็นหนักหน่วงในทุก ๆ ช่วงปลายปีก็ว่าได้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าในช่วงฤดูหนาวไปจนถึงช่วงปลายฤดูหนาวนั้นเอง ที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ได้สร้างปัญหาเรื่องสุขภาพให้ใครหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน
ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร น่าจะเป็นความน่าสงสัยของใครหลาย ๆ คนก็ว่าได้ โดยเป็นฝุ่นละอองในอากาศที่มี ขนาดเล็กกว่า2.5ไมครอน หรือไมโครเมตร ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยตามปกติฝุ่น PM 2.5 จะมีการกำหนดค่ามาตรฐานให้ไม่เกิน 50 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตรใน 24 ชั่วโมง สำหรับในไทย ถึงแม้ไม่สามารถมองเห็นฝุ่นได้ด้วยตาเปล่า แต่ถ้าฝุ่นนี้มีปริมาณสูงมากๆ ในอากาศ จะดูคล้ายกับมีหมอกหรือควันนั้นเอง

สภาพอากาศที่มีฝุ่น PM 2.5 หนาแน่น
หากรับฝุ่น PM 2.5 มาก ๆ ร่างกายของคุณอาจเกิดอาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรู้สึกแสบตา แสบจมูก เจ็บคอ ระบบที่มีผลกระทบมาก คือระบบทางเดินหายใจรู้สึกแสบจมูก ไม่สบาย ไอและมีเสมหะได้ ในคนไข้ที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคภูมิแพ้,โรคปอด (เช่น หอบหืด, ถุงลมโป่งพอง) ต้องระวังสุขภาพเป็นพิเศษ
เห็นได้ชัดว่าฝุ่น PM 2.5 มันอันตรายต่อสุขภาพอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้รถยนต์ในปัจจุบันแทบทุกรุ่นที่ขายอยู่ในไทย จะมีการติดตั้งกรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 กันเกือบหมดแล้ว ถือว่าเป็นการปรับตัวของบริษัทรถยนต์ที่เปลี่ยนแปลงให้ทันเหตุการณ์ก็ว่าได้
นอกจากนี้หากเป็นรถยนต์รุ่นเก่า ๆ ยังสามารถไปเปลี่ยนไส้กรองอากาศแอร์รถยนต์ให้มีความสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้เหมือนกัน ซึ่งการจะเปลี่ยนไส้กรองอากาศของแอร์นั้น เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับการล้างแอร์เลยก็ว่าได้ เนื่องจากต้องรื้อรถยนต์พอสมควร และอาจใช้เวลาประมาณครึ่งวันในการรื้อและการประกอบคืนนั้นเอง
ส่วนราคาของไส้กรองแอร์รถยนต์ PM 2.5 เรียกได้ว่ามีราคาที่ถูกประมาณ 400 บาทเพียงเท่านั้น แต่ค่ารื้อระบบแอร์บอกได้เลยว่า คุณอาจต้องจ่ายเงินรวม ๆ ประมาณ 2,000 บาท ในการเปลี่ยนไส้กรองแอร์ก็ว่าได้
ปัจจุบันมีทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับคนที่ต้องการให้อากาศภายในรถยนต์ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 ด้วยเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์แบบพกพาหลายๆ ยี่ห้อในท้องตลาด โดยมีราคาตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาท จนกระทั่งหลายพันบาทเลยทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Sharp

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ แบรนด์ Sharp
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Sharp จะเป็นตัวช่วยให้คุณได้เป็นอย่างดีในเรื่องฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโรคได้ในหนึ่งเดียว ช่วยให้คุณได้ฟอกอากาศบริสุทธิ์ เพื่อรถยนต์ส่วนตัวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยพลังเทอร์โบ(Turbo Mode)ที่เพิ่มจำนวนอนุภาคพลาสม่าคลัสเตอร์+และ-มากขึ้นจากปกติถึง2เท่า แบบเข้มข้น(Hight Density)ที่เพิ่มประสิทธิภาพการฟอกอากาศ กำจัดเชื้อโรค ฆ่าเชื้อไวรัส เชื้อรา เชื้อแบคทีเรียสลายกลิ่นอับชื้นในอากาศ ตลอดจนสามารถฆ่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้อย่างรวดเร็วทันใจ
สะดวกในการใช้งาน ใช้สายอะแดปเตอร์ต่อเข้ากับที่จุดบุหรี่ในรถยนต์ ก็สามารถใช้งานได้ทันที มีอายุการใช้งานยาวนาน 17,500 ชั่วโมง สามารถตั้งเวลาการทำงานได้ 8 ชั่วโมง ใช้แรงดันไฟฟ้าเพียงDc 12V(โวลต์)
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Philips

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ แบรนด์ Philips
เครื่องฟอกอากาศ Philips จะช่วยกำจัดมลพิษต่าง ๆ ที่อยู่ภายในรถยนต์ของคุณ ซึ่งรวมไปถึงฝุ่น PM2.5 โดยจะมีสัญญาณสี AQI 3 ระดับ แสดงถึงคุณภาพของอากาศ นอกจากนี้สามารถปรับระดับความเร็วของพัดลมได้อัตโนมัติเพื่อคุณภาพการกรองที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ Philips มีเทคโนโลยีไส้กรองอากาศ SelectFilter Plus ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถขจัดอนุภาคฝุ่นละอองอย่าง PM 2.5 และฝุ่นผงต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และยังมีชั้น HESA ซึ่งช่วยลดการปนเปื้อนของสารเคมีจำพวกก๊าซที่เป็นอันตรายภายในรถยนต์อีกด้วย อีกหนึ่งข้อดีของ Philips ก็คือ การกำจัดกลิ่นควันเสียรถยนต์ สารเคมีจากวัสดุพลาสติก และสารส่งกลิ่นอื่น ๆ ให้รถยนต์ของคุณไม่มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
อย่างไรก็ตามอาจมีใครหลาย ๆ คนตั้งคำถามว่า เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ จําเป็นไหม ? ซึ่งถ้าคุณเป็นสนใจเรื่องสุขร่างกายก็บอกไว้เลยว่าควรมีไว้ในรถยนต์สำหรับเครื่องฟอกอากาศ หรือใครจะไปเปลี่ยนไส้กรองแอร์รถยนต์ก็ทำได้เหมือนกัน เรียกว่ามีไว้จะดีกว่าไม่มีให้ใช้นั้นเอง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่:https://khaorodnissan.com/