ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของคนที่มีรถยนต์ต้องรู้เรื่องก็ว่าได้ สำหรับหมายเลขตัวถังรถยนต์ (Vehicle Identification Number) ที่จะสามารถบ่งบอกข้อมูลต่าง ๆ ของรถคุณ ซึ่งตามกฎหมายรถยนต์ทุกคันที่ผลิตขึ้นทั่วโลก หากจะจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้วล่ะก็ จำเป็นต้องมีหมายเลขตัวถังรถนั้นเอง
การทํางานของถุงลมนิรภัย อุปกรณ์ที่รถยนต์ทุกคันต้องมี
ถุงลมนิรภัย รู้จักไว้ไม่เสียหาย
ทั้งนี้หมายเลขตัวถังอาจดูห่างไกลจากคนทั่วไปพอสมควร โดยส่วนใหญ่เราจะยุ่งเกี่ยวกับหมายเลขตัวถังเพียงแค่ ต่อภาษีประจำปี ตลอดจนพวกซื้อขายโอนรถยนต์เพียง หรือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ทางประกันจะเช็กหมายเลขตัวถังรถยนต์ว่าตรงกับข้อมูลของทางบริษัทไหม ซึ่งหากรถยนต์มีเลขตัวถังไม่ตรงกับเล่มทะเบียนแล้วล่ะก็ คุณจะไม่สามารถโอนย้ายได้เลย และอาจเสี่ยงติดคุกติดตะรางอีกด้วย
หมายเลขตัวถังรถยนต์ ดูตรงไหน? ถือว่าเป็นเรื่องที่ใครหลาย ๆ คนอาจสงสัยก็ว่าได้ ซึ่งรถแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์จะถูกจัดวางแตกต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- ประตูฝั่งคนขับ ในรถยนต์บ้างรุ่นทางผู้ผลิตอาจมีการใส่หมายเลขตัวถังไว้ตรงกรอบประตูฝั่งคนขับ ซึ่งจะสามารถเห็นได้เมื่อคุณเปิดประตูบริเวณขอบล่าง และอาจอยู่ ๆ ตัวล็อกเข็มขัดของฝั่งคนขับก็เป็นได้
- ใต้พรมฝั่งคนขับ ในรถยนต์บ้างรุ่นบริเวณใต้พรมพื้นฝั่งคนขับ อาจมีหมายเลขตัวถังอยู่
- กระโปรงรถ เรียกว่าเป็นตำแหน่งที่สังเกตได้ง่ายที่สุดเพราะอยู่ที่หน้าเครื่อง
- ใต้ยางอะไหล่ เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่เลขตัวถังรถยนต์ของคุณจะอยู่ตรงนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถเก๋งเป็นหลัก เนื่องจากเก็บยางอะไหล่ไว้ภายในรถนั้นเอง
- ใต้ซุ้มล้อหลัง ถือว่าเป็นจุดที่ดูยากพอสมควร และอาจต้องใช้ไฟฉายช่วยในการมอง
ทั้งนี้หากคุณยังหาหมายเลขตัวถังรถยนต์ของคุณไม่ได้จริง ๆ แนะนำให้ค้นหาใน Google มั่นใจได้ว่ารถรุ่นนั้นของคุณจะมีคนมาบอกว่าหมายเลขอยู่ส่วนไหนของตัวรถอย่างแน่นอน ทั้งนี้ใครขี้เกียจมานั่งหาหมายเลขตัวถังว่าอยู่ในตำแหน่งไหนของรถ ก็ใช้วิธีการนี้ก็ว่าได้ สะดวกรวดเร็วและถูกต้องแน่นอน
ส่วนความเป็นมาของหมายเลขตัวถังรถยนต์ เรียกได้ว่ามาตรฐานเลข 17 หลัก เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ 2524) ซึ่งหากหมายเลขตัวถังรถของคุณมีจำนวนน้อยกว่านี้ ก็ไม่ต้องตกใจอะไรไป ซึ่งรถยนต์ที่มีหมายเลขตัวถังน้อยกว่า 17 หลัก ให้ถือว่าเป็นรถยนต์ที่ถูกผลิตก่อนปี ค.ศ. 1981 นั้นเอง
เรื่องนี้ไม่น่าหนักใจสักเท่าไหร่ เนื่องจากรถยนต์ที่ผลิตมาก่อนปี ค.ศ. 1981 เรียกว่าหลงเหลือให้ใช้งานไม่มากแล้ว และส่วนใหญ่จะเป็นรถสะสมเสียมากกว่า ถ้านับวันเวลาคร่าว ๆ อย่างน้อย ๆ รถยนต์คันนั้นต้องมีอายุมากกว่า 40 ปีเลยทีเดียว
**** ดูเพิ่มเติมราคา รีโว่มือสอง ที่มีขายในประเทศไทย
สำหรับความหมายของเลขตัวถังมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
หลักที่ 1 ตัวเลขหรือตัวอักษรหลักแรกบ่งบอกถึงภูมิภาคที่รถคันนั้นถูกผลิตขึ้นประกอบด้วยตัวอักษร
อักษร A – H หมายถึงผลิตในทวีปแอฟริกา
อักษร J – R ผลิตในทวีปเอเชีย (ยกเว้น O และ Q)
อักษร S – Z ผลิตในทวีปยุโรป
หมายเลข 1 – 5 ผลิตในทวีปอเมริกาเหนือ
หมายเลข 6 – 7 ผลิตในนิวซีแลนด์ หรือ ออสเตรเลีย
หมายเลข 8 – 9 ผลิตในทวีปอเมริกาใต้
หลักที่ 2-3 หมายถึงผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น RH หมายถึง ฮอนด้าประเทศไทย, โตโยต้าประเทศไทยจะมีรหัสเป็น R0 และมาสด้าประเทศไทยจะมีรหัส M8 เป็นต้น
หลักที่ 4-8 จะบ่งบอกถึงรุ่นย่อยของรถรุ่นนั้น ๆ พร้อมทั้งข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบเกียร์ รวมไปถึงรูปแบบตัวถังเป็นต้น
หลักที่ 9 เป็นหลักยืนยันสำหรับป้องกันการปลอมแปลง ด้วยรูปแบบการคำนวณที่ซับซ้อน เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเลขประจำตัวรถ
หลักที่ 10 จะบ่งบอกปีที่ผลิตโดยใช้เป็นตัวอักษรคล้ายกันกับทะเบียนรถของเรา นั่นเอง
หลักที่ 11 บ่งบอกถึงโรงงานที่ประกอบรถรุ่นนั้น ๆ ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปเป็นปกติ
หลักที่ 12-17 สำหรับตัวเลขที่เหลือเป็นการรันตามสายการผลิต หรือ Serial number ซึ่งทำให้รถแต่ละคันมี VIN แตกต่างกันไป
ทั้งนี้การปลอมแปลงเลขตัวถังมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งหากคุณหาซื้อรถยนต์มือสองสักคันมาใช้งาน และดันมีเลขตัวถังไม่ตรงกับเลขในเล่มทะเบียนแล้วล่ะก็ แนะนำว่าหนีไปให้ไกล ไม่ควรซื้อมาครอบครองโดยเด็ดขาด ถึงแม้ส่วนใหญ่รถเหล่านี้จะมีราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดพอสมควร แต่ไม่สามารถใช้งานได้นั้นเอง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://khaorodnissan.com/
******* ดูราคารถมือสองที่ขายในตลาดไทยได้ราคาดี